รูปภาพ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

วิหารพระผงสุพรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เริ่มต้นการเดินทางเข้าสู่เส้นทางมหามงคลไหว้พระ 9 วัด สุพรรณบุรี ซึ่งจัดให้มีกิจกรรมไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลวันหยุด ได้แก่ ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน การไหว้พระ 9 วัดตามเส้นทางสายนี้นั้นจะเริ่มต้นที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นวัดแรกบนถนนสมภารคง แต่ก็มีประชาชนหลายคนที่ไปเริ่มต้นที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหารซึ่งอยู่บนถนนมาลัยแมนเป็นวัดแรก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการผิดกติกาแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่ประชาชนที่เดินทางมาสุพรรณบุรีจะใช้ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง - สุพรรณบุรี เมื่อเข้ามาถึงตัวเมืองสุพรรณบุรีจะมาเลี้ยวเข้าถนนสมภารคงก็ต้องใช้ถนนมาลัยแมนตรงเข้าไปเกือบถึงวัดป่าเลไลยก์วรวิหารแล้วกลับรถมาอยู่ดี หลายคนจึงเลือกตรงไปสักการะนมัสการพระพุทธรูปป่าเลไลยก์กันก่อนเลย แถมยังแวะเข้าไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของสุพรรณบุรี บางทีแถมด้วยการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรกันต่อ ก็ว่ากันไปตามสะดวกครับ
ทีนี้เรามาว่ากันเรื่องวัดพระศรีรัตนมหาธาตุกันต่อดีกว่า พอเลี้ยวรถเข้ามาในวัด ก็หาทำเลเหมาะลานจอดรถว่างๆ ก็มีอยู่มากมายกว้างพอสำหรับประชาชนที่หลั่งไหลกันมาไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลวันหยุด จากนั้นเราก็จะเห็นป้ายชี้ทางไปไหว้พระมีอยู่หลายจุด เริ่มจากพระผงสุพรรณที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระบรมสารีริกธาตุอันเป็นจุดกำเนิดของพระผงสุพรรณ พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระปทุมมาศ หลวงพ่อดำ (ปิยะทัสสะสี) พระพุทธรูปหินทราย 279 องค์ รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ (หลวงพ่อโพธิ์) ส่วนการเรียงลำดับนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตามความเหมาะสมแล้วควรขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุในพระปรางค์วัดกันก่อน แต่เนื่องจากลานจอดรถอยู่ใกล้กับวิหารพระผงสุพรรณ ผมก็ขอเริ่มจากที่นี่เลยก็แล้วกัน
ทีนี้เรามาว่ากันเรื่องวัดพระศรีรัตนมหาธาตุกันต่อดีกว่า พอเลี้ยวรถเข้ามาในวัด ก็หาทำเลเหมาะลานจอดรถว่างๆ ก็มีอยู่มากมายกว้างพอสำหรับประชาชนที่หลั่งไหลกันมาไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลวันหยุด จากนั้นเราก็จะเห็นป้ายชี้ทางไปไหว้พระมีอยู่หลายจุด เริ่มจากพระผงสุพรรณที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระบรมสารีริกธาตุอันเป็นจุดกำเนิดของพระผงสุพรรณ พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระปทุมมาศ หลวงพ่อดำ (ปิยะทัสสะสี) พระพุทธรูปหินทราย 279 องค์ รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ (หลวงพ่อโพธิ์) ส่วนการเรียงลำดับนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตามความเหมาะสมแล้วควรขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุในพระปรางค์วัดกันก่อน แต่เนื่องจากลานจอดรถอยู่ใกล้กับวิหารพระผงสุพรรณ ผมก็ขอเริ่มจากที่นี่เลยก็แล้วกัน

พระผงสุพรรณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเข้ามาในวิหารแล้วเราก็จะได้พบกับพระผงสุพรรณครับ ขนาดใหญ่มากๆ ประดิษฐานอยู่บนวิหารมีดอกไม้ธูปเทียนหน้าวิหารให้ สามารถปิดทองบนองค์พระได้ครับ วิหารพระผงสุพรรณ มีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม) วัดชนะสงครามเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ พระธรรมมหาวีรานุวัตร วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานที่ปรึกษา ฯลฯ

รูปเหมือนพระครูศรีรัตนาภิรักษ์ (หลวงพ่อโพธิ์) อยู่ในวิหารพระผงสุพรรณเหมือนกัน แต่จะมีห้องเล็กๆ แยกออกไปทางซ้ายครับ ด้านหลังของรูปเหมือนหลวงพ่อโพธิ์มีโลงบรรจุสังขารของหลวงพ่อโพธิ์

วิหารเก่าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จากวิหารพระผงสุพรรณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก คราวนี้เราจะเดินไปยังพระปรางค์เก่าแก่ของวัด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ผ่านวิหารเล็กๆ หลังหนึ่งที่สร้างตั้งแต่ พ.ศ.2469 มีการบูรณปฏิสังขรณ์เป็นอย่างดี

พุทธสถานพระผงสุพรรณ อยู่ทางด้านหน้าทางเข้าพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คราวนี้ผมขอเอาประวัติของวัดและการสร้างพระผงสุพรรณองค์ใหญ่ที่สุดในโลกมาบอกเล่ากันสักนิดก่อนที่จะเข้าไปในพระปรางค์ครับ
ประวัติวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นต้นกำเนิดของพระเครื่องหนึ่งใน "เบญจภาคื" อันลือลั่น เป็นพระอารามเก่าแก่ ปรากฏพระปรางค์องค์ประธานตั้งโดดเด่นเป็นสง่า พระอารามแห่งนี้ถูกทอดทิ้งรกร้างอยู่เป็นเวลานาน ประมาณปี พ.ศ.2456 มีชาวจีนเข้าไปหักร้างถางพงทำสวนผักในบริเวณวัด และขุดองค์พระปรางค์ประธาน พบแก้วแหวนเงินทองสมัยโบราณจำนวนมาก จนข่าวกรุแตกกระจายไป ความทราบถึงคณะกรรมการเมือง พระยาสุนทรบุรี (อี๋ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เห็นว่าปล่อยทิ้งสร้างความเสียหายต่อสมบัติของชาติ จึงได้กราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็นพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสนพระทัยทางโบราณคดี และกำลังค้นหาที่ตั้งของเจดีย์ยุทธหัตถีในเขตเมืองสุพรรณบุรีอยู่ เป็นองค์ประธานเปิดกรุพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2456
พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นับเป็นพระเครื่องเลื่องชื่อ ถูกบรรจุอยู่ในชุด "เบญจภาคี" ซึ่งมีทั้งเนื้อดิน และเนื้อชินเงิน ที่เรียกกันว่า "พระผงสุพรรณยอดโถ" แต่สาเหตุที่เรียกว่า "ผงสุพรรณ" ก็เนืองจากการค้นพบจารึกลานทอง กล่าวถึงการสร้างจากผงว่านเกสรดอกไม้อันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับการเรียกขานกันว่า "ผงสุพรรณ" เรื่อยมาโดยสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 พิมพ์ ดังนี้ หน้าแก่ หน้ากลาง และหน้าหนุ่ม
ประวัติวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นต้นกำเนิดของพระเครื่องหนึ่งใน "เบญจภาคื" อันลือลั่น เป็นพระอารามเก่าแก่ ปรากฏพระปรางค์องค์ประธานตั้งโดดเด่นเป็นสง่า พระอารามแห่งนี้ถูกทอดทิ้งรกร้างอยู่เป็นเวลานาน ประมาณปี พ.ศ.2456 มีชาวจีนเข้าไปหักร้างถางพงทำสวนผักในบริเวณวัด และขุดองค์พระปรางค์ประธาน พบแก้วแหวนเงินทองสมัยโบราณจำนวนมาก จนข่าวกรุแตกกระจายไป ความทราบถึงคณะกรรมการเมือง พระยาสุนทรบุรี (อี๋ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เห็นว่าปล่อยทิ้งสร้างความเสียหายต่อสมบัติของชาติ จึงได้กราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็นพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสนพระทัยทางโบราณคดี และกำลังค้นหาที่ตั้งของเจดีย์ยุทธหัตถีในเขตเมืองสุพรรณบุรีอยู่ เป็นองค์ประธานเปิดกรุพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2456
พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นับเป็นพระเครื่องเลื่องชื่อ ถูกบรรจุอยู่ในชุด "เบญจภาคี" ซึ่งมีทั้งเนื้อดิน และเนื้อชินเงิน ที่เรียกกันว่า "พระผงสุพรรณยอดโถ" แต่สาเหตุที่เรียกว่า "ผงสุพรรณ" ก็เนืองจากการค้นพบจารึกลานทอง กล่าวถึงการสร้างจากผงว่านเกสรดอกไม้อันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับการเรียกขานกันว่า "ผงสุพรรณ" เรื่อยมาโดยสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 พิมพ์ ดังนี้ หน้าแก่ หน้ากลาง และหน้าหนุ่ม

พระปรางค์ประธานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นพระปรางค์เก่าแก่หลักฐานทางโบราณคดีของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ทำให้รู้ว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นมีอายุอย่างน้อย 600 ปี ทางวัดจะเปิดให้ประชาชนขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุในช่วงเทศกาลไหว้พระ 9 วัดโบราณ สุพรรณบุรี และในโอกาสพิเศษต่างๆ

วิหารแฝดวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เดินจากพระปรางค์ประธานของวัดตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบเห็นวิหารมีลักษณะแปลกกว่าที่เคยเห็นที่ใดมาก่อน วิหารหลังนี้มีอายุเก่าแก่มาก การสร้างวิหาร 2 หลัง ใช้เสาต้นเดียวกัน 1 ต้น หันหน้าเข้าหากัน วิหารแต่ละหลังมีประตูเข้าไป ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิขัย

พระพุทธรูปในวิหารแฝด

เจดีย์ยอดเอียง ใกล้ๆ กับวิหารแฝดก็มีเเสนาสนะ และเจดีย์ เก่าแก่ของวัด เดินตรงไปด้านหน้าจะพบวิหารพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอน มี 2 หลัง อยู่ด้านซ้ายและขวาของวิหารหลวงพ่อดำ (ปิยะทัสสะสี) พระพุทธไสยาสน์ทั้ง 2 องค์มีขนาดใหญ่มากและเป็นความแปลกอีกอย่างหนึ่งของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุแห่งนี้ที่มีพระนอนองค์ใหญ่ 2 องค์

พระพุทธรูปหินทราย 279 องค์ พระพุทธรูปเก่าเนื้อหินทรายที่สร้างขึ้นมาถึง 279 องค์ ประดิษฐานเรียงรายกันอยู่ภายในวิหารหลังใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตามความยาวของวิหารรวมทั้งด้านหน้า

หลวงพ่อดำ (ปิยะทัสสะสี) พระพุทธรูปเก่าแก่คู่กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีอายุกว่า 700 ปี เป็นช่วงท้ายของการพาไหว้พระที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุของเราในวันนี้ครับ เดี๋ยวเดินทางไปกันต่อที่วัดแค วัดลำดับที่ 2 ของเส้นทางมหามงคลไหว้พระ 9 วัดโบราณ สุพรรณบุรี กันต่อ
จังหวัดสุพรรณบุรีก็มีกิจกรรมไหว้พระ 9 วัดเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ด้วยก็จะมีวัดอื่นๆ เลียบฝั่งแม่น้ำท่าจีนในตัวเมืองสุพรรณบุรี
จังหวัดสุพรรณบุรีก็มีกิจกรรมไหว้พระ 9 วัดเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ด้วยก็จะมีวัดอื่นๆ เลียบฝั่งแม่น้ำท่าจีนในตัวเมืองสุพรรณบุรี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมือง อยู่ในตำบลรั้วใหญ่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ถนนสมภารคงแยกจากถนนมาลัยแมน ไปประมาณ 300 เมตรในสมัยก่อนเป็นศูนย์กลางของเมืองสุพรรณภูมิ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ปรางค์องค์ประธาน เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2456 ชาวบ้านลักลอบขุดค้นหาทรัพย์สินจนทรุดโทรมไปมาก พระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีที่โด่งดังมาก อันเป็นหนึ่งใน “เบญจภาคี” ก็ได้ไปจากกรุในองค์พระปรางค์นี้ และพระเครื่องที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ที่นอกเหนือจากพระผงสุพรรณ เช่น พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระสุพรรณยอดโถ พระสุพรรณหลังผาน ตลอดจนพระเนื้อชินต่างๆ ซึ่งปัจจุบันหายาก นักโบราณคดีหลายท่านให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้าง ในสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ เพราะหลักฐานการก่อสร้าง เป็นการก่ออิฐไม่ถือปูน ซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() พระผงสุพรรณ มีแหล่งกำเนิดจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อเป็นเนื้อ ดินเผาละเอียด ปราศจากเม็ดแร่ มีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีดำ และสีมอย(ดำจางๆคล้ายผงธูป) พระผงสุพรรณพิมพ์ที่นิยมในวงการมีอยู่ 3 พิมพ์ ด้วยกันคือ 1 พิมพ์หน้าแก่ 2 พิมพ์หน้ากลาง 3 พิมพ์หน้าหนุ่ม พระผงสุพรรณได้ปรากฏหลักฐานว่าขุดพบที่พระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2456 โดยท่านพระยาสุนทรบุรี เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้นได้สั่งให้มีการเปิดกรุ อย่างเป็นทางการ เพราะปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดพระปรางค์องค์ใหญ่ อยู่บ่อยครั้งซึ่งได้ พบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ แม้แต่พระทองคำก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ยังพบแผ่นลานเงิน แผ่นลานทองซึ่งได้บันทึกจารหลักฐานไว้ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ในปี พ.ศ.1890 สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่1 ทรงมีศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา ได้ทรงอัญเชิญพระมหาเถร- ปิยะทัสสีสารีบุตร ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระฤาษีทิวาลัยเป็นประธาน ฝ่ายฤาษี ร่วมกันสร้าง พระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นการสืบศาสนา พระผงสุพรรณเป็นพระเครื่องสกุลสูงเปรียบได้ว่าเป็นพระ ชั้นกษัตริย์ ของเมืองสุพรรณบุรี พุทธลักษณะเป็นพระสี่เหลี่ยมทรงชะลูดจนดูเกือบจะเป็น สามเหลี่ยมตัดปลาย มีบางองค์ถูกถูกตัดปลายออกสองด้านจนกลายเป็นห้าเหลี่ยมก็มี องค์พระนั่ง ปางมารวิชัยประทับบนฐานชั้นเดียวพระพักตร์แตกต่างกันออกไปตามพิมพ์ ด้านหลังปรากฏลาย นิ้วมือแบบ" ตัดหวาย "ทุกองค์ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง พระผงสุพรรณ เป็นพระเครื่องที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระเครื่องเนื้อดินเผา จำลองพุทธลักษณะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน ลักษณะการปางมารวิชัย แบ่งแยกแม่พิมพ์ได้เป็นพิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม (สมัยโบราณเรียกพิมพ์หน้าหนู) องค์พระประทับนั่ง ปางมารวิชัย บนฐานเชียงชั้นเดียว พระเกศคล้ายฝาละมี มีกระจังหน้า พระพักตร์เคร่งขรึม พระนาสิกหนาใหญ่ พระอุระหนา ส่วนพระการทอดเรียว แสดงออกถึงศิลปะสกุลช่างอู่ทองที่เน้นความละม้ายคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ เมื่อพบพิมพ์พระ ๓ ประเภท จึงเรียกชื่อตามลักษณะพระพักตร์และตามศิลปะสกุลช่าง แห่งพระพุทธรูปที่พระพักตร์เหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ เรียกว่า พิมพ์หน้าแก่ ที่พระพักตร์อิ่มเอิบเรียวเล็ก ปราศจากรอยเหี่ยวย่น เรียกว่าพิมพ์หน้าหนุ่ม พระผงสุพรรณนั้นปรากฏตามจารึกลานทองกล่าวถึงการสร้างว่า “..พระฤๅษีทั้งสี่ตนจึงพร้อมกันนำเอาแต่ว่านทั้งหลาย พระฤๅษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธี เป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำ ให้เอาว่านทำเป็นผงก้อน พิมพ์ด้วยลายมือของมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตรคือ เป็นใหญ่ เป็นประธานในที่นั้น ได้เอาแร่ต่าง ๆ มีอานุภาพต่างกัน เสกด้วยมนต์คาถาครบ ๓ เดือน แล้วท่านให้เอาไปประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูม ![]() |
|
![]() พระมเหศวร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ รุ่นตำนานแผ่นดิน สมทบทุนบูรณะวัดพระศรีรัตมหาธาตุวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม 2555 เวลา 9.00 น พิธีมหาพุทธาพิเษก จากคุณยายฮ้วน สู่คุณลุงมนัส ตกทอดมายังบุตรชายคนเล็ก ยืนยง โอภากุล วันนี้แอ๊ด คาราบาว มาทำพิธีบวงสรวงและเทพิมพ์ชุดแรกเพื่อเตรียมการเข้าพิธีในเดือนมีนาคม 2555 รวม 25,550 องค์ ท่านที่มีจิตศรัทธาบุชาได้องค์ละ 1,000 บาท เพื่อ สมทบทุนบูรณะวัดพระศรีรัตมหาธาตุ คู่เมืองสุพรรณบุรี "พระมเหศวร" นับเป็นพระยอดนิยมอันดับต้นๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นหนึ่งในพระยอดขุนพลของเมืองไทย เป็นพระพิมพ์ที่น่าสนใจทีเดียวครับผม พิมพ์ทรงของ "พระมเหศวร" ดูแล้วออกจะแปลกๆ แต่ก็ต้องยอมรับในภูมิปัญญาของคนไทยสมัยก่อนกับการรังสรรค์งานปฏิมากรรมด้วยความชาญฉลาด ด้วยเหตุและผลดังนี้ปัญหาประการหนึ่งของพระเนื้อชิน คือ ส่วน "พระศอ" ขององค์พระมักจะบอบบาง ทำให้เปราะและแตกหักง่าย ผู้สร้างจึงแก้ไขปัญหาโดยเอาส่วนที่เป็นพระศอของพระอีกองค์หนึ่งนั่งสวนทางกัน ดังนั้น ส่วนที่เปราะบางซึ่งก็คือพระศอ จึงไปอยู่ในส่วนที่เป็นพระเพลาของพระอีกด้านหนึ่ง สามารถลบล้างในส่วนที่เปราะบางได้อย่างสิ้นเชิง…เก่งจริงๆ นะครับคนไทยเนี่ยะ ในการแตกกรุครั้งใหญ่ของพระเครื่อง กรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เมื่อปีพ.ศ.2456 นั้นได้พบพระเครื่องมากมายหลายชนิด หลายพิมพ์ทรง ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยมสูงทั้งสิ้น และที่นักสะสมรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ “พระผงสุพรรณ” อันเป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคีที่มีชื่อเสียงลือลั่น นอกจากพระผงสุพรรณอันเลื่องชื่อของวงการแล้ว ในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ยังมีพระอยู่ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะพุทธศิลป์แปลกแตกต่างไปจากพระพิมพ์อื่นๆ กล่าวคือ เป็นพระพิมพ์ 2 หน้า โดยวางรูปแบบให้พระทั้งสองด้านประทับนั่งกลับหัวสวนทางกัน สมัยก่อนจึงเรียกว่า “พระสวน” ตามลักษณะเด่นของพิมพ์พระ ต่อมาจึงเรียกขานกันว่า “พระมเหศวร” พระมเหศวร เป็นพระเนื้อชินยอดนิยม วงการพระจัดให้เป็นหนึ่งในห้าของ “ชุดพระยอดขุนพลเนื้อชิน” แห่งสยามประเทศ เป็นพระที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เพียงแห่งเดียวเท่านั้นไม่มีจากกรุอื่นๆ นักสะสมต่างยกย่องว่าเป็นพระที่มีพุทธคุณยอดเยี่ยมทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม มหาอุตม์แคล้วคลาด โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี |